Follow us                        เข้าสู่ระบบ     
พยากรณ์ความต้องการสินค้า (Demand Forecasting): คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับ SME
เปลี่ยนการคาดเดาให้เป็นข้อมูล หยุดปัญหาสต็อกบวม-ของขาด เพิ่มกำไรให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
7 July, 2025 by
Taaxteam Post

บทนำ: สต็อกบวม-ของขาด ปัญหาที่แก้ไม่ตกของ SME ที่กำลังโต

คุณเคยเจอปัญหาสินค้าขายดีแต่ของขาดสต็อกหรือไม่? หรือสั่งของมาตุนแต่กลับกลายเป็น Dead Stock เงินจมอยู่ในคลัง? ปัญหาเหล่านี้คือสัญญาณเตือนว่าธุรกิจของคุณกำลังเติบโต แต่กระบวนการจัดการสินค้าคงคลังอาจตามไม่ทัน การพึ่งพา 'ความรู้สึก' หรือการคาดเดาในการสั่งซื้อสินค้า คือสาเหตุหลักของปัญหา สต็อกบวม (Overstocking) และ ของขาดสต็อก (Stockout) ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อกระแสเงินสดและกำไรของบริษัท

บทความนี้จะแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถเปลี่ยนข้อมูลการขายที่มีอยู่ในมือ ให้กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังในการ พยากรณ์ความต้องการสินค้า ได้อย่างไร เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน

ต้นทุนที่มองไม่เห็นของการ 'คาดเดา' เทียบกับการใช้ 'ข้อมูล'

การวางแผนสั่งซื้อสินค้าโดยขาดข้อมูลที่แม่นยำ ก่อให้เกิดต้นทุนแฝงมหาศาลที่กัดกินผลกำไรของธุรกิจ การเปรียบเทียบระหว่างการทำงานแบบเดิมกับการใช้ข้อมูลจะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น

การพยากรณ์แบบคาดเดา (Guesswork-based Forecasting) การพยากรณ์จากข้อมูล (Data-driven Forecasting)
กระแสเงินสด (Cash Flow): เงินจมกับสต็อกที่ขายไม่ออก ทำให้สภาพคล่องตึงตัว กระแสเงินสด (Cash Flow): เงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ นำไปลงทุนต่อยอดได้
ต้นทุนคลังสินค้า (Warehouse Costs): ค่าเช่าพื้นที่และค่าจัดการสูงโดยไม่จำเป็น เสี่ยงต่อสินค้าเสื่อมสภาพ ต้นทุนคลังสินค้า (Warehouse Costs): ใช้พื้นที่คลังสินค้าอย่างเหมาะสม ลดต้นทุนแฝง
โอกาสในการขาย (Sales Opportunities): เสียโอกาสขายเมื่อของขาด ทำลายความเชื่อมั่นของลูกค้า โอกาสในการขาย (Sales Opportunities): สินค้าพร้อมขายเสมอ สร้างความพึงพอใจและรักษาฐานลูกค้า
ประสิทธิภาพทีม (Team Efficiency): ทีมจัดซื้อและคลังสินค้าเสียเวลาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอยู่ตลอดเวลา ประสิทธิภาพทีม (Team Efficiency): ทีมงานใช้เวลาวางแผนเชิงกลยุทธ์เพื่อการเติบโตของบริษัท

Demand Forecasting คืออะไร? ทำไมสำคัญกับธุรกิจ SME

Demand Forecasting หรือ การพยากรณ์ความต้องการสินค้า คือกระบวนการใช้ข้อมูลในอดีต เช่น ยอดขาย มาวิเคราะห์เพื่อคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าในอนาคตอย่างมีหลักการ ไม่ใช่เพียงการเดาสุ่ม นี่ไม่ใช่เรื่องสำหรับองค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น แต่เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับ SME ที่ต้องการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง เพราะช่วยให้สามารถตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ได้อย่างเฉียบคมขึ้น ตั้งแต่ การวางแผนสั่งซื้อสินค้า การวางแผนการผลิต ไปจนถึงการวางแผนด้านการเงินและการตลาด

4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการพยากรณ์ความต้องการสินค้าด้วยข้อมูลที่คุณมีอยู่แล้ว

คุณสามารถเริ่มต้นพยากรณ์ความต้องการสินค้าได้ทันที โดยใช้ข้อมูลการขายที่ธุรกิจของคุณมีอยู่แล้ว ลองทำตาม 4 ขั้นตอนง่ายๆ นี้

  1. รวบรวมข้อมูลการขายย้อนหลัง (Gather Historical Data): ดึงข้อมูลยอดขายสินค้ารายตัว (SKU) อย่างน้อย 6-12 เดือนจากระบบ POS, โปรแกรมบัญชี หรือแม้แต่ไฟล์ Excel ของคุณ ยิ่งมีข้อมูลย้อนหลังนานเท่าไหร่ การพยากรณ์ก็จะยิ่งแม่นยำขึ้น
  2. คำนวณค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Calculate Moving Average): เริ่มต้นด้วยวิธีที่ง่ายที่สุด คือการหาค่าเฉลี่ยยอดขาย 3 เดือนล่าสุด เพื่อคาดการณ์ยอดขายของเดือนถัดไป เช่น หากยอดขายสินค้า A ใน 3 เดือนที่ผ่านมาคือ 100, 120, และ 110 ชิ้น ค่าเฉลี่ยคือ (100+120+110)/3 = 110 ชิ้น ซึ่งจะเป็นยอดพยากรณ์สำหรับเดือนหน้า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคนิคนี้ สามารถศึกษาได้จาก แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถืออย่าง Investopedia
  3. ปรับค่าพยากรณ์ด้วยปัจจัยเสริม (Adjust for Factors): นำปัจจัยอื่นๆ มาพิจารณาเพื่อปรับค่าพยากรณ์ให้แม่นยำขึ้น เช่น ฤดูกาล (สินค้าบางอย่างขายดีในหน้าร้อน), แผนการตลาด หรือโปรโมชันส่งเสริมการขายที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้ยอดขายสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติ
  4. กำหนดจุดสั่งซื้อใหม่ (Set Reorder Point): นำยอดพยากรณ์มาใช้คำนวณหาระดับสต็อกที่ปลอดภัย (Safety Stock) และจุดที่ต้องสั่งซื้อของเพิ่ม (Reorder Point) เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีสินค้าขายอย่างต่อเนื่องและไม่สั่งของมาเกินความจำเป็น ซึ่งเป็นหัวใจของ การจัดการสินค้าคงคลัง ที่มีประสิทธิภาพ
Pro Tip: จาก SME สู่บริษัทเติบโตสูง
Excel เป็นเครื่องมือเริ่มต้นที่ยอดเยี่ยม แต่เมื่อธุรกิจของคุณมีสินค้า (SKUs) มากขึ้น, มีช่องทางการขายที่หลากหลาย, และต้องการความแม่นยำแบบ Real-time การทำงานแบบ Manual จะกลายเป็นคอขวดที่ฉุดรั้งการเติบโต การเปลี่ยนไปใช้ระบบ ERP ที่เชื่อมข้อมูลการขาย, สต็อก, และการจัดซื้อไว้ในที่เดียวจึงไม่ใช่ 'ค่าใช้จ่าย' แต่เป็น 'การลงทุน' ที่สำคัญที่สุดเพื่อการขยายธุรกิจอย่างยั่งยืน

ยกระดับการพยากรณ์ด้วยระบบ ERP: ทำงานฉลาดขึ้น ไม่ใช่หนักขึ้น

เมื่อธุรกิจเติบโตเกินกว่าที่ Excel จะรับมือไหว การนำ ระบบ ERP เข้ามาใช้จะช่วยยกระดับกระบวนการทั้งหมดให้เป็นอัตโนมัติและแม่นยำยิ่งขึ้น นี่คือประโยชน์หลักที่คุณจะได้รับ:

  • ข้อมูลรวมศูนย์แบบ Real-time: ดึงข้อมูลยอดขายจากทุกช่องทาง, สต็อกคงเหลือ, และข้อมูลการสั่งซื้อมาไว้ในที่เดียว ไม่ต้องเสียเวลารวบรวมข้อมูลเอง ลดความผิดพลาดได้อย่างมหาศาล
  • พยากรณ์และสร้างใบสั่งซื้ออัตโนมัติ: ระบบสามารถคำนวณยอดที่ควรสั่งซื้อโดยอิงจากยอดพยากรณ์และระดับสต็อกที่ตั้งค่าไว้ พร้อมสร้างใบสั่งซื้อ (Purchase Order) ให้ทันที ลดความผิดพลาดจากคน (Human Error)
  • เห็นภาพรวมธุรกิจชัดเจน: ผู้บริหารสามารถดูรายงานและ Dashboard สรุปยอดขาย, มูลค่าสต็อก, และแนวโน้มต่างๆ ได้ทันที เพื่อการตัดสินใจที่รวดเร็วและแม่นยำ ดูตัวอย่างความสำเร็จได้จาก Case Study ของลูกค้าเรา
  • ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ: ทีมจัดซื้อ, คลังสินค้า, และฝ่ายขายทำงานบนข้อมูลชุดเดียวกัน ลดความขัดแย้งและเพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน ทำให้ทุกคนมองเห็นเป้าหมายเดียวกัน

พร้อมเปลี่ยน 'ข้อมูล' ให้เป็น 'กำไร' แล้วหรือยัง?

การพยากรณ์ที่แม่นยำคือหัวใจของการเติบโตในธุรกิจยุคใหม่ หยุดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แล้วมาวางแผนธุรกิจของคุณอย่างเป็นระบบกับผู้เชี่ยวชาญของเรา ที่จะช่วยคุณวิเคราะห์และวางโครงสร้างการจัดการสต็อกและการสั่งซื้อที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณโดยเฉพาะ

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี ดู Case Study ลูกค้าของเรา
Taaxteam Post 7 July, 2025
Share this post
Tags