ทำไมสูตร 'ต้นทุน + กำไร' แบบเดิมๆ ใช้ไม่ได้อีกต่อไปในยุคที่วัตถุดิบราคาพุ่ง?
คุณเคยเจอสถานการณ์นี้ไหม? เพิ่งปิดดีลใหญ่กับลูกค้าได้สำเร็จ ทีมงานทุกคนต่างดีใจ แต่พอสิ้นเดือนกลับพบว่าโปรเจกต์นั้นแทบไม่ได้กำไร หรือบางทีอาจจะขาดทุนด้วยซ้ำ สาเหตุก็เพราะระหว่างทาง ราคาทองแดง เหล็ก หรือพลาสติกที่คุณใช้เป็นวัตถุดิบหลักเกิดพุ่งสูงขึ้น โดยที่คุณไม่ทันได้ปรับราคาขายในใบเสนอราคา
นี่คือความจริงที่เจ็บปวดสำหรับผู้ประกอบการ SME จำนวนมากในปัจจุบัน โมเดลการตั้งราคาแบบ Cost-Plus (ต้นทุน + กำไรที่ต้องการ) ที่เคยใช้ได้ผลกำลังพังทลายลง เพราะไม่สามารถตามความเร็วของต้นทุนวัตถุดิบที่ผันผวนได้ทัน ผลลัพธ์คือธุรกิจกำลังสูญเสียกำไรไปอย่างเงียบๆ โดยที่เจ้าของกิจการอาจไม่รู้ตัวเลยจนกว่าจะเห็นตัวเลขตอนสิ้นไตรมาส ซึ่งก็สายเกินไปเสียแล้ว
ภาพสะท้อนธุรกิจคุณ? ตารางเปรียบเทียบการตั้งราคาด้วย Excel vs. ERP
หลายธุรกิจยังคงพึ่งพา Spreadsheet อย่าง Excel ในการคำนวณต้นทุนและตั้งราคาขาย ซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำด้วยมือ ช้า มีโอกาสผิดพลาดสูง และที่สำคัญคือมันมักจะซ่อนต้นทุนที่แท้จริงเอาไว้ ลองดูตารางเปรียบเทียบนี้ แล้วถามตัวเองว่าองค์กรของคุณกำลังทำงานแบบไหนอยู่
หัวข้อการพิจารณา | การใช้ Excel (แบบเก่า) | การใช้ระบบ ERP (แบบใหม่) |
---|---|---|
ความเร็วในการอัปเดตต้นทุน | ❌ ช้า, ต้องรอข้อมูลสิ้นเดือน และป้อนข้อมูลด้วยมือ | ✅ รวดเร็ว, อัปเดตต้นทุนวัตถุดิบแบบ Real-time ทันทีที่มีการจัดซื้อ |
ความถูกต้องของข้อมูล | ❌ เสี่ยงต่อความผิดพลาดจากมนุษย์ (Human Error) และสูตรคำนวณที่ซับซ้อน | ✅ ถูกต้องแม่นยำ, คำนวณอัตโนมัติตามสูตรการผลิต (BOM) ที่ตั้งไว้ |
การรวมต้นทุนแฝง | ❌ มักมองข้ามค่าขนส่ง, ภาษี, ค่าประกัน (Landed Cost) | ✅ ครบถ้วน, สามารถรวมต้นทุนแฝงทุกชนิดเข้าเป็นต้นทุนสินค้าได้อัตโนมัติ |
การมองเห็นกำไรต่อล็อตผลิต | ❌ คาดเดา, ใช้ข้อมูลต้นทุนเก่า ทำให้ไม่เห็นกำไรที่แท้จริง | ✅ ชัดเจน, เห็นต้นทุนและกำไรที่คาดหวังของล็อตการผลิตใหม่ได้ทันที |
เวลาที่ใช้ในการคำนวณ | ❌ หลายชั่วโมง หรืออาจเป็นวัน สำหรับการรวบรวมและคำนวณใหม่ | ✅ เพียงไม่กี่นาที, ระบบจัดการให้ทั้งหมดเมื่อข้อมูลพร้อม |
3 ต้นทุนแฝงที่ Excel มองข้าม แต่ ERP ไม่เคยพลาด
การคำนวณต้นทุนที่ผิดพลาดส่วนใหญ่มักเกิดจากการมองข้าม 'ต้นทุนแฝง' ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้กำไรของคุณหายไป ระบบ ERP สำหรับ SME ถูกออกแบบมาเพื่อรวบรวมต้นทุนเหล่านี้โดยเฉพาะ:
- 🚚 Landed Cost (ต้นทุนสินค้าถึงมือ): ไม่ใช่แค่ราคาวัตถุดิบ แต่รวมถึงค่าขนส่ง, ค่าประกัน, ภาษีนำเข้า และค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่เกิดขึ้นจนกว่าของจะมาถึงโรงงานของคุณ การมองข้ามต้นทุนส่วนนี้ไปอาจทำให้ต้นทุนจริงสูงกว่าที่ประเมินไว้ 5-10% โดยเฉพาะธุรกิจที่นำเข้าสินค้า
- 💹 ค่าความผันผวนของสกุลเงิน (FX Fluctuation): หากคุณสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศในสกุลเงินดอลลาร์ แต่จ่ายเงินในอีก 30-60 วันข้างหน้า อัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนไปอาจทำให้ต้นทุนบาทของคุณสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ระบบ ERP สามารถช่วยติดตามและบันทึกผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
- 🗑️ ของเสียและต้นทุนคุณภาพ (Scrap & Quality Costs): ในทุกกระบวนการผลิตย่อมมีของเสีย (Scrap) หรือสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเกิดขึ้น Excel มักจะคำนวณจากสูตรการผลิตในอุดมคติ แต่ ERP จะบันทึกของเสียที่เกิดขึ้นจริงและนำมาคำนวณเป็นต้นทุนต่อหน่วยที่แท้จริง ทำให้การตั้งราคาขายสะท้อนความเป็นจริงมากขึ้น
Workflow: 4 ขั้นตอนตั้งราคาใหม่อย่างมั่นใจด้วยข้อมูลจาก ERP
ระบบ ERP เปลี่ยนกระบวนการอัปเดตราคาที่เคยวุ่นวายและใช้เวลาหลายวัน ให้กลายเป็น Workflow อัตโนมัติที่ทำซ้ำได้และแม่นยำสูง ช่วยให้คุณปรับตัวได้ทันท่วงที นี่คือขั้นตอนการทำงานที่เป็นจริงได้
- Step 1: ระบบดึงราคาวัตถุดิบใหม่จากฝ่ายจัดซื้อ. ทันทีที่ฝ่ายจัดซื้อสร้างคำสั่งซื้อ (Purchase Order) ใหม่ด้วยราคาวัตถุดิบที่อัปเดต ระบบ ERP จะบันทึกราคานั้นเข้าสู่ฐานข้อมูลกลางโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องรอคีย์ข้อมูลซ้ำซ้อน
- Step 2: คำนวณต้นทุนการผลิตใหม่ (BOM) ทันที. ระบบจะนำราคาวัตถุดิบใหม่ไปคำนวณต้นทุนของสินค้าสำเร็จรูปทุกรายการที่มีวัตถุดิบนั้นเป็นส่วนประกอบตามสูตรการผลิต (Bill of Materials) โดยอัตโนมัติ
- Step 3: ระบบแจ้งเตือนเมื่อต้นทุนเกินเกณฑ์ที่กำหนด. คุณสามารถตั้งค่าให้ระบบแจ้งเตือนฝ่ายขายหรือผู้บริหารได้ทันที เมื่อต้นทุนใหม่ของสินค้าสูงขึ้นเกินเกณฑ์ที่กำหนด (เช่น สูงขึ้น 5%) เพื่อให้เริ่มพิจารณาปรับราคาขาย
- Step 4: สร้างใบเสนอราคาใหม่ด้วยราคาที่สะท้อนต้นทุนจริง. ฝ่ายขายสามารถสร้าง ใบเสนอราคา หรืออัปเดตราคาในระบบได้อย่างมั่นใจ โดยใช้ข้อมูลต้นทุนล่าสุด ทำให้ทุกๆ ดีลที่ปิดไปมีการรักษาระดับกำไรที่ต้องการไว้ได้
บทสรุป: เปลี่ยนความเสี่ยงให้เป็นความได้เปรียบในการแข่งขัน
ในตลาดที่ราคาวัตถุดิบผันผวนไม่หยุดนิ่ง การตัดสินใจที่ช้าหรือผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจหมายถึงกำไรที่หายไปมหาศาล การลงทุนในระบบ ERP จึงไม่ใช่แค่การซื้อซอฟต์แวร์ แต่คือการลงทุนใน 'ความสามารถในการมองเห็น' (Visibility) ต้นทุนทั้งหมดของธุรกิจแบบ Real-time สิ่งนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเรื่องราคาได้อย่างเฉียบคม ปกป้องอัตรากำไร และเปลี่ยนความเสี่ยงให้กลายเป็นความได้เปรียบในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งที่ยังคงติดอยู่กับวังวนของ Excel
Pro Tip: จากข้อมูลของ Aberdeen Group พบว่า SME ที่ใช้ ERP สามารถปรับราคาได้เร็วกว่าคู่แข่งที่ใช้ Excel ถึง 70% และช่วยรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ดีกว่า 5-8% ในช่วงที่ตลาดผันผวน
หยุดเลือดที่ไหลไม่หยุด! ปกป้องกำไรของคุณวันนี้
ต้นทุนที่ผันผวนกำลังกัดกินกำไรของคุณอยู่เงียบๆ ใช่หรือไม่? อย่ารอจนสายเกินไป ระบบ ERP ของเราคือเครื่องมือที่จะช่วยคุณมองเห็นต้นทุนจริงแบบ Real-time และตั้งราคาได้อย่างมั่นใจทุกครั้ง
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี เรียนรู้เพิ่มเติม