Follow us                        เข้าสู่ระบบ     
จัดการกระบวนการจ้างผลิต (Subcontract) ฉบับสมบูรณ์: ลดต้นทุน-คุมสต็อกด้วยระบบ ERP
คู่มือภาพเชิงปฏิบัติสำหรับ SME ที่จะเปลี่ยนความวุ่นวายในการจ้างผลิตให้กลายเป็นกำไรที่ควบคุมได้ ด้วยพิมพ์เขียว 5 ขั้นตอนและเทคโนโลยีที่ใช่
7 July, 2025 by
Taaxteam Post

บทนำ: ทำไมการ 'จ้างผลิต' ถึงกลายเป็นฝันร้ายซ่อนรูปของ SME ที่กำลังโต

คุณสมชาย เจ้าของธุรกิจอาหารแปรรูปที่กำลังเติบโต ตัดสินใจใช้กลยุทธ์ การจ้างผลิต (Subcontracting) เพื่อขยายกำลังการผลิตโดยไม่ต้องลงทุนสร้างโรงงานใหม่ ฟังดูเป็นทางออกที่ชาญฉลาด แต่เพียงไม่กี่เดือน เขาก็พบว่าตัวเองกำลังเผชิญกับฝันร้ายที่มองไม่เห็น: วัตถุดิบที่ส่งไปให้ผู้รับจ้างผลิตหายไปจากระบบ, ต้นทุนสินค้าที่กลับมาสูงกว่าที่คำนวณไว้ 15%, และฝ่ายบัญชีกับฝ่ายผลิตต่างมีตัวเลขในมือไม่ตรงกัน

นี่คือสถานการณ์จริงที่ SME จำนวนมากกำลังเผชิญ การจ้างผลิตคือกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม แต่หากปราศจากกระบวนการและ ระบบควบคุมสต็อกจ้างผลิต ที่ดีพอ มันจะค่อยๆ กัดกินกำไรของบริษัทอย่างเงียบๆ ผ่านความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่สะสมจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ บทความนี้คือคู่มือที่จะช่วยให้คุณเปลี่ยนความวุ่นวายนี้ให้กลายเป็นความได้เปรียบทางการแข่งขัน

สำรวจความเสียหาย: 5 จุดรั่วไหลที่พบบ่อยในการจ้างผลิตแบบไม่มีระบบ

ปัญหาในการจ้างผลิตไม่ได้เกิดจากความไม่ซื่อสัตย์เสมอไป แต่ส่วนใหญ่มักเกิดจากกระบวนการที่หละหลวมและการขาดข้อมูลที่เป็นหนึ่งเดียวกัน ทำให้แต่ละฝ่ายทำงานบนข้อมูลคนละชุด ลองมาสำรวจดูว่าธุรกิจของคุณมีจุดรั่วไหลเหล่านี้อยู่หรือไม่

จุดรั่วไหล (Problem Area) วิธีแบบเดิมที่ผิดพลาด (Manual/Error-Prone Way) ผลกระทบต่อธุรกิจ (Business Impact)
การติดตามวัตถุดิบ ใช้ LINE/Excel ตามงาน, ไม่มีเอกสารกลาง, เชื่อคำพูด, นับสต็อกด้วยสายตาที่โรงงานผู้รับจ้าง วัตถุดิบหายโดยไม่ทราบสาเหตุ, ส่วนต่างสต็อก 3-5%, ประเมินกำไรขั้นต้นผิดพลาด
การคำนวณต้นทุน ฝ่ายบัญชีไม่รู้ว่าวัตถุดิบล็อตไหนถูกใช้ไปจริง, ปันส่วนต้นทุนค่าแรงและวัตถุดิบโดยการประมาณการ ต้นทุนสินค้าสำเร็จรูป (COGS) ผิดเพี้ยน, ตั้งราคาขายผิด, ไม่เห็นต้นทุนแฝง
การวางแผนการผลิต ไม่รู้สถานะการผลิตที่แท้จริง, ไม่รู้วันที่สินค้าจะกลับเข้าคลังอย่างแน่ชัด เกิดคอขวด (Bottleneck) ในการผลิตขั้นต่อไป, เสียโอกาสในการขายเพราะไม่มีของ
การกระทบยอดเอกสาร ใช้เวลาหลายชั่วโมงกระทบยอดใบส่งของ, ใบกำกับภาษี, และสต็อกที่รับคืนด้วยมือ เสียเวลาทำงาน 5-8 ชั่วโมง/สัปดาห์, เสี่ยงต่อข้อพิพาทกับคู่ค้า, ปิดบัญชีล่าช้า
การควบคุมทางบัญชีและภาษี โอนย้ายทรัพย์สิน (วัตถุดิบ) โดยไม่มีเอกสารควบคุมรัดกุม, ไม่มีหลักฐานการเคลื่อนย้ายที่ชัดเจน เสี่ยงต่อประเด็นด้านภาษีซื้อ-ภาษีขาย, อาจถูกสรรพากรประเมินภาษีย้อนหลัง

พิมพ์เขียว 5 ขั้นตอน: จัดการ Subcontract อย่างมืออาชีพ ลดต้นทุน เพิ่มกำไร

การมีขั้นตอนที่ชัดเจนและเอกสารกำกับในทุกจุดของการเคลื่อนไหว คือหัวใจของการควบคุมกระบวนการ ส่งวัตถุดิบให้ผู้รับจ้างผลิต ทั้งหมด นี่คือพิมพ์เขียว 5 ขั้นตอนที่เป็นมาตรฐานสากลซึ่งคุณสามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที

  1. เปิดใบสั่งจ้างผลิต (Subcontracting Order): เริ่มต้นด้วยการสร้างเอกสารหลักที่เปรียบเสมือนสัญญา ในเอกสารนี้ต้องระบุชัดเจนว่าต้องการผลิตสินค้าอะไร จำนวนเท่าไหร่ โดยอ้างอิงจากสูตรการผลิต หรือ Bill of Materials (BOM) ที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ระบบจะคำนวณให้อัตโนมัติว่าต้องใช้วัตถุดิบอะไรบ้างในปริมาณเท่าใด
  2. โอนย้ายวัตถุดิบ (Material Transfer): เมื่อจะส่งวัตถุดิบให้ผู้รับจ้าง ต้องสร้างเอกสาร "โอนย้ายสินค้าระหว่างคลัง" (จากคลังหลักของเรา ไปยัง "คลังเสมือน" ของผู้รับจ้าง) เอกสารนี้ทำหน้าที่เป็นใบส่งของชั่วคราวที่ต้องมีลายเซ็นผู้รับกำกับ เพื่อเป็นหลักฐานว่าวัตถุดิบถูกส่งมอบครบถ้วน การมีระบบ จัดการคลังสินค้า ที่ดีจะช่วยให้ขั้นตอนนี้แม่นยำขึ้น
  3. รับสินค้าสำเร็จรูป (Finished Good Receipt): เมื่อผู้รับจ้างผลิตเสร็จและนำสินค้ามาส่งคืน เราต้องสร้างเอกสาร "รับสินค้าสำเร็จรูป" โดยอ้างอิงกลับไปยังใบสั่งจ้างผลิต (Subcontracting Order) ใบเดิมเสมอ ขั้นตอนนี้สำคัญอย่างยิ่งในการตรวจสอบคุณภาพและจำนวนสินค้าที่ได้รับ
  4. กระทบยอดการใช้วัตถุดิบ (Material Reconciliation): ทันทีที่รับสินค้าสำเร็จรูปเข้าระบบ ระบบที่ดีควรจะตัดสต็อกวัตถุดิบที่ถูกใช้ไปจริงตาม BOM ออกจาก "คลังเสมือน" ของผู้รับจ้างโดยอัตโนมัติ ทำให้เราเห็นยอดวัตถุดิบคงเหลือที่ผู้รับจ้างแบบเรียลไทม์ และสามารถตรวจสอบส่วนต่าง (Variance) ได้ทันที
  5. บันทึกค่าใช้จ่ายและปิดงาน (Billing & Closing): เมื่อตรวจสอบทุกอย่างถูกต้อง ฝ่ายบัญชีจะทำการบันทึกใบแจ้งหนี้ค่าบริการจากผู้รับจ้าง (Subcontracting Fee) เข้าสู่ระบบ ต้นทุนค่าแรงนี้จะถูกปันส่วนเข้าไปในต้นทุนของสินค้าสำเร็จรูปโดยอัตโนมัติ ทำให้การคำนวณต้นทุนที่แท้จริงแม่นยำ 100% และสามารถปิดใบสั่งจ้างผลิตนั้นได้อย่างสมบูรณ์

เทคโนโลยีที่ใช่: เปลี่ยนกระบวนการที่ซับซ้อนให้ง่ายด้วยระบบ ERP

การทำตามพิมพ์เขียว 5 ขั้นตอนด้วยมือผ่านกระดาษหรือ Excel ยังคงมีความเสี่ยงจากความผิดพลาดของมนุษย์และใช้เวลามาก นี่คือจุดที่ ระบบ ERP จ้างผลิต เข้ามามีบทบาทสำคัญ ERP ไม่ใช่แค่ โปรแกรมบัญชี SME ทั่วไป แต่เป็นแพลตฟอร์มศูนย์กลางที่เชื่อมโยงทุกฝ่าย (คลังสินค้า, ผลิต, บัญชี, จัดซื้อ) ให้ทำงานบนข้อมูลชุดเดียวกัน ทำให้กระบวนการทั้งหมดเป็นอัตโนมัติ โปร่งใส และตรวจสอบได้ ตามนิยามของ ERP (Enterprise Resource Planning) ที่เน้นการบูรณาการข้อมูลทางธุรกิจ

ระบบ ERP ช่วยให้การจัดการจ้างผลิตของคุณดีขึ้นได้อย่างไร?

  • ติดตามสต็อกแบบเรียลไทม์: มองเห็นยอดวัตถุดิบคงเหลือทั้งหมด ทั้งในคลังสินค้าของคุณเองและที่ฝากไว้ที่โรงงานของผู้รับจ้างผลิตได้อย่างแม่นยำ
  • คำนวณต้นทุนอัตโนมัติ: ทันทีที่รับสินค้าสำเร็จรูป ระบบจะปันส่วนต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงจ้างผลิตเข้าสู่ตัวสินค้าทันที ทำให้คุณรู้กำไรขั้นต้นที่แท้จริงต่อหน่วย
  • สร้างเอกสารอัตโนมัติ: ลดขั้นตอนการคีย์ข้อมูลซ้ำซ้อนระหว่างใบสั่งจ้าง, ใบโอนย้าย, และใบรับของ ลดความผิดพลาดของมนุษย์ (Human Error) ได้อย่างมีนัยสำคัญ
  • มี Dashboard อัจฉริยะ: ผู้บริหารสามารถเห็นภาพรวมของกระบวนการจ้างผลิตทั้งหมดได้ในหน้าจอเดียว ตั้งแต่สถานะใบสั่งจ้างไปจนถึงต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

เคล็ดลับสำหรับผู้บริหาร: ตัวชี้วัด (KPIs) ที่ต้องจับตามอง

"สิ่งใดที่วัดผลไม่ได้ สิ่งนั้นปรับปรุงไม่ได้" การมีระบบที่ดีจะช่วยให้คุณเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวัดผลและพัฒนากระบวนการให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

Pro Tip: KPIs ที่ต้องวัดผลในกระบวนการ Subcontract
  • Material Variance Rate (%): อัตราส่วนต่างของวัตถุดิบที่ใช้ไปจริง เทียบกับปริมาณมาตรฐานใน BOM เพื่อควบคุมการสูญเสีย
  • On-Time Delivery Rate (%): อัตราการส่งมอบงานตรงเวลาของผู้รับจ้าง เพื่อประเมินความน่าเชื่อถือและวางแผนการผลิตต่อได้
  • Subcontracting Cost per Unit: ต้นทุนค่าแรงในการจ้างผลิตต่อหน่วยสินค้า เพื่อใช้เปรียบเทียบและเจรจาต่อรองกับคู่ค้า
  • Wastage/Scrap Rate: อัตราของเสียหรือเศษวัตถุดิบที่เกิดขึ้นในกระบวนการ ซึ่งเป็นต้นทุนที่ต้องนำมาพิจารณา

การควบคุม subcontract management process ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนอีกต่อไปหากคุณมีพิมพ์เขียวและเครื่องมือที่ถูกต้อง การลงทุนใน ระบบ ERP ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่คือการลงทุนใน "เกราะป้องกันความเสี่ยง" และ "เครื่องมือสร้างการเติบโต" ที่จะช่วยให้ธุรกิจ SME ของคุณขยายตัวได้อย่างยั่งยืนและมีกำไรสูงสุด

พร้อมเปลี่ยนกระบวนการจ้างผลิตให้เป็นแต้มต่อทางธุรกิจแล้วหรือยัง?

หยุดเสียเวลากับความวุ่นวายและต้นทุนที่มองไม่เห็น ถึงเวลาที่ SME เติบโตสูงอย่างคุณจะต้องมีระบบที่แข็งแกร่งเป็นรากฐาน TAAX TEAM ERP ไม่ใช่แค่ซอฟต์แวร์ แต่เป็นพาร์ทเนอร์ที่จะช่วยให้คุณขยายธุรกิจได้อย่างมั่นใจและมีกำไรสูงสุด

ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญฟรี ดูเดโมระบบ ERP
Taaxteam Post 7 July, 2025
Share this post
Tags